ชื่อวิทยาศาสตร์ : Parkia speciosa
วงศ์ : Fabaceae
ลักษณะทั่วไป : สะตอเป็นไม้ยืนต้นตระกูลถั่ว (Fabaceae) ลำต้นสูงใหญ่ เรือนยอดมักจะอยู่สูงกว่าไม้อื่นๆ เนื้อไม้สะตอจัดเป็นไม้เนื้ออ่อน
ลักษณะใบ เป็นใบมนเล็กเรียงเป็นแผงอยู่บนก้านใบย่อย แยกแขนงจากก้านใบรวมอีกทีหนึ่งคล้ายใบกระถินแต่มีขนาดใหญ่กว่า สะตอจะผลัดใบปีละครั้ง หรือช่วงสภาพอากาศแล้งจัด
ดอก เป็นดอกย่อยๆ รวมเป็นกระจุกกลม ลักษณะเดียวกับดอกของกระถิน แต่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า โม่ง
การขยายพันธุ์ นิยมใช้เป็นเมล็ดแก่จัดแต่ยังไ่ม่เหี่ยวแห้ง เพาะเป็นต้นในถึงเพาะ หรือในบางท้องที่จะใช้วิธีฝังเมล็ดลงดินเลย ส่วนต้นพันธุ์ที่ขายตามร้านจำหน่ายต้นพันธุ์ มีทั้งที่เป็นต้นจากเมล็ด ต้นเสียบยอด หรือ ติดตา
อายุการให้ผลผลิต ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือสะตอข้าว เป็นพันธุ์เบา มีความฉุนน้อย จะให้ผลผลิตประมาณ 4 ปี และสะตอดาน เป็นกลุ่มพันธุ์หนัก อาจจะให้ผลช้า 6 ถึง 10 ปี
การใช้ประโยชน์ : เมล็ด ใช้รับประทานสด เป็นผักน้ำพริก หรือใช้เมล็ดสดปรุงเป็นอาหารอื่นๆ ลำต้น ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ ใบ ใช้ทำปุ๋ย สะตอ นิยมปลูกร่วมกับพืชสวนอื่นๆ เพื่อช่วยเพิ่มไนโตรเจนให้กับพืชอื่่นๆ
สรรพคุณทางยาในแพทย์แผนไทย : เมล็ดสะตอ จะคูณสมบัติในการแก้อาการไตพิการ, ช่วยปรับความดันในร่างกาย
ที่สวนกสิกรรมธรรมชาติ ไร่นาป่าผสม บ้านแม่ทำ สีทา มีการปลูกสะตอ กระจายทั่วพื้นที่กว่า 500 ต้น มีทั้งที่ให้ผลผลิิตแล้ว และปลูกเพิ่มใหม่ โดย สะตอ จะเป็นไม้ชั้นสูงหรือไม้เรือนยอดของป่า 3 อย่่าง ประโยชน์ 4 อย่างของสวนกสิกรรมธรรมชาติ ไร่่นาป่าผสม บ้านแม่ทำ สีทา